Electron Move

ไม่ใช่เพียงแค่ฤดูร้อน แต่ในระยะหลัง เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ค่าไฟของประเทศไทยนั้นถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างชัดเจน และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงในเร็ววัน เพราะอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟนั้นขึ้นมาถึงขนาดนี้ รวมถึงในปัจจุบันค่าไฟฟ้าหน่วยละกี่บาท แล้วเรามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแก้ปัญหาค่าไฟที่แพง และสามารถหาวิธีประหยัดกันได้บ้าง บทความนี้ Electronmove มีคำตอบ

สารบัญ

รวมสาเหตุค่าไฟแพง ต้นเหตุของค่าไฟขึ้น 2024

รวมสาเหตุค่าไฟแพง

1. พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า

ในปัจจุบัน บ้านเรือนต่าง ๆ มีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น หรือมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเปิดเครื่องปรับในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด, การเปิดเครื่องฟอกอากาศ หรือการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่มาใช้ภายในบ้านเพิ่ม และนอกจากนั้นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ก็อาจส่งผลทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นได้

2. ค่า Ft ขยับสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

เนื่องจากในช่วงต้นปี 2565 เป็นต้นมา ได้มีการปรับขึ้นค่า Ft กันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจาก 1.39 สตางค์ต่อหน่วย มาเป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วย และขยับขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงกลางปี 2565 เป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย 

และเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ปีที่แล้ว ก็ได้พิจารณาข้อเสนอให้ค่า Ft เป็นหน่วยละ 0.9119 บาท หรือ 91.19 สตางค์ (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นอัตราค่า Ft ที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา 

ส่วนของค่าไฟขึ้น 2567 พฤษภาคมจนไปถึงสิงหาคม ของปี 2567 ได้มีการวางแนวทางปรับค่าไฟฟ้าไว้ให้ต่ำสุดอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย และสูงสุดอยู่ที่  5.44 บาทต่อหน่วยนั่นเอง 

3. เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด หรือมีไฟรั่ว

การที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดหรือไฟรั่ว ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากลองสังเกตแล้วพบว่ามีค่าไฟแพงขึ้นกว่าปกติ แนะนำให้ลองสังเกตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง เช่น หม้อหุงข้าว, เครื่องปรับอากาศ, เตารีด หรือเครื่องซักผ้า ว่าเกิดการชำรุดเสียหายหรือไม่ เพราะนอกจากค่าไฟที่แพงขึ้นแล้ว ยังอาจเกิดอันตรายจากการถูกไฟช็อตจนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดไฟไหม้บ้าน จนสร้างความเสียหายลุกลามเป็นวงกว้างได้อีกด้วย

4. สภาพอากาศ

อากาศที่ร้อนอบอ้าวก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ โดยเฉพาะในช่วงในฤดูร้อนที่ร้อนกว่าปกติ ซึ่งทำให้มีการใช้เครื่องทำความเย็น อย่างตู้เย็น หรือเครื่องปรับอากาศอย่างหนัก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้กินไฟมากขึ้น อันเป็นสาเหตุทำให้อัตราการใช้ไฟฟ้าของแต่ละบ้านสูง แม้ว่าจะมีจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า และระยะเวลาใช้งานที่เท่าเดิมก็ตาม

เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภทเสียค่าไฟเท่าไหร่

โดยทั่วไป เรามีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกันเป็นประจำ โดยข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลเบื้องต้นของเครื่องใช้ไฟฟ้า เรามาดูกันเลยว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภท มีการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่เท่าไหร่

  • เครื่องดูดฝุ่น : ขนาด 1,400 ถึง 2,000 วัตต์ กินไฟประมาณ 6 ถึง 8 บาท ต่อชั่วโมง
  • เตารีดไฟฟ้า : ขนาด 1,000 ถึง 2,800 วัตต์ กินไฟประมาณ 3.5 ถึง 10 บาท ต่อชั่วโมง
  • เครื่องเป่าผม : ขนาด 1,600 ถึง 2,300 วัตต์ กินไฟประมาณ 6 ถึง 9 บาท ต่อชั่วโมง
  • เครื่องทำน้ำอุ่น : ขนาด 3,500 ถึง 6,000 วัตต์ กินไฟประมาณ 13.5 ถึง 23.5 บาท ต่อชั่วโมง
  • เครื่องซักผ้าฝาบน และฝาหน้า : ขนาด 10 กิโลกรัม กินไฟประมาณ 2 ถึง 8 บาท ต่อชั่วโมง
  • เครื่องปรับอากาศติดผนัง แบบ Fixed Speed : ขนาด 9,000 ถึง 22,000 บีทียู กินไฟประมาณ 2.5 ถึง 6 บาท ต่อชั่วโมง
  • พัดลมตั้งพื้น : ขนาด ใบพัด 12 ถึง 18 นิ้ว กินไฟประมาณ 0.15 ถึง 0.25 บาท ต่อชั่วโมง
  • โทรทัศน์ LED Backlight TV : ขนาด 43 ถึง 65 นิ้ว กินไฟประมาณ 0.40 ถึง 1 บาท ต่อชั่วโมง
  • เตาไมโครเวฟ : ขนาด  20 ถึง 30 ลิตร กินไฟประมาณ 3 ถึง 4 บาท ต่อชั่วโมง
  • ตู้เย็น 2 ประตู : ขนาด  5.5 ถึง 12.2 คิวบิกฟุต กินไฟประมาณ 0.30 ถึง 0.40 บาท ต่อชั่วโมง
  • หม้อหุงข้าว : ขนาด  1.0 ถึง 1.8 ลิตร กินไฟประมาณ 3 ถึง 6 บาท ต่อชั่วโมง
  • เครื่องปิ้งขนมปัง : ขนาด  760 ถึง 900 วัตต์ กินไฟประมาณ 3 ถึง 3.5 บาท ต่อชั่วโมง
  • เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 1 ถึง 2 หัวเตา : ขนาด  2,000 ถึง 3,500 วัตต์ กินไฟประมาณ 8 ถึง 14 บาท ต่อชั่วโมง

วิธีลดค่าไฟแพง ต้องทำอย่างไรเพื่อเซฟเงินในกระเป๋า

1. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งาน

การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังการใช้งานทุกครั้ง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดค่าไฟฟ้าลงไปได้ เพราะการเสียปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ ทำให้ยังมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้อยู่ ดังนั้น หลังปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรมีการถอดเครื่องปลั๊กออกด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้ นี่ยังเป็นอีกวิธีที่จะช่วยป้องการเกิดอัคคีภัยได้อีกด้วย

วิธีนี้เหมาะกับใคร 

  • ผู้ที่อยู่ในครอบครัวใหญ่ ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก 

ข้อดี

  • ช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่ว หรือป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอัคคีภัย
  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้นานขึ้น
  • ช่วยประหยัดค่าไฟ

ข้อเสีย

  • การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อย ๆ อาจทำให้เต้ารับหลวมได้

2. เปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เหมาะสม

การเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่ไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส จะช่วยลดการใช้พลังงานให้น้อยลง จึงสามารถช่วยประหยัดเงินค่าไฟในแต่ละเดือนลงได้ ดังนั้น หากบ้านไหนที่ต้องการประหยัดค่าไฟมากขึ้น ควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิประมาณ 25 ถึง 28 องศาเซลเซียส หรือเปิดพัดลมควบคู่กันไป เพื่อให้แอร์เย็นได้เร็วขึ้น

เปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เหมาะสม

วิธีนี้เหมาะกับใคร 

  • ผู้ที่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศใช้งานอย่างเป็นประจำ

ข้อดี

  • ช่วยทำให้สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศได้นานขึ้น โดยยังประหยัดค่าไฟได้
  • ช่วยฟอกอากาศให้สะอาดขึ้นไปในตัว โดยไม่ต้องเปิดเครื่องฟอกอากาศเพิ่ม

ข้อเสีย

  • หากอยู่ในห้องแอร์นานเกินไปอาจทำให้ผิวหนังแห้ง จมูกแห้ง ตาแห้งได้
  • หากอุณหภูมิไม่เหมาะสม อาจทำให้เสี่ยงต่อการเพิ่มค่าไฟฟ้าได้

3. เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากเบอร์ 5

การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากเบอร์ 5 ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ช่วยประหยัดค่าไฟแบบสากล เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 จะผ่านการทดสอบประสิทธิภาพตามมาตรฐาน กฟผ. ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประหยัดพลังงาน และบ่งบอกระดับการใช้ไฟฟ้า รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นต่าง ๆ เช่น ประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้สามารถคำนวนค่าใช้ไฟฟ้าคร่าว ๆ ต่อปีได้

วิธีนี้เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องเการเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดไฟมากขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีการใช้เครื่องไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

ข้อดี

  • เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบการประหยัดพลังงานตามมาตรฐานของ กฟผ. จึงประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ข้อเสีย

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจมีราคาที่ค่อนข้างสูง กว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกผลิตตามท้องตลาดทั่วไป

4. ใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์

การใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งระบบโซล่าเซลล์เป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สามารถนำมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แทนการใช้ไฟจากการไฟฟ้า ช่วยทำให้ประหยัดค่าไฟได้ 30 ถึง 70% โดยขึ้นอยู่กับกับพฤติกรรมและช่วงเวลาการใช้ไฟในตอนกลางวันที่ทำการผลิต

พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์

นอกจากนี้ หากใช้ไฟฟ้าเหลือ ก็ยังสามารถเข้าร่วมโครงการขายไฟคืน ให้กับทางการไฟฟ้าได้ในราคาหน่วยละ 2.2 บาท เป็นระยะเวลานานถึง 10 ปี ทำให้ในปัจจุบัน กระแสของเทรนด์การใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์นี้จึงเป็นเทรนด์ที่กำลังมาเลยนั่นเอง หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ การติดตั้งโซล่าเซลล์สําหรับบ้าน สามารถติดต่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง Electronmove ได้เลย

วิธีนี้เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าไฟ หรือลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้า ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมหลังการติดตั้งโซล่าเซลล์
  • เหมาะกับผู้ที่ให้ความใส่ใจด้านพลังงานทดแทน เพื่อลดปัญหาโลกร้อน และปัญหามลพิษต่าง ๆ

ข้อดี

  • มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างเต็มที่ตลอดอายุการใช้งานในช่วงกลางวัน
  • ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจากการไฟฟ้าได้จริง
  • สามารถขายไฟฟ้าคืนให้กับการไฟฟ้าได้
  • ลดมลพิษทางอากาศ ภาวะเรือนกระจก และลดปัญหาโลกร้อน

ข้อเสีย

  • อาจมีต้นทุนในการลงทุนที่สูงตามความต้องการในการผลิต
  • จำเป็นต้องหาบริษัทรับติดตั้งโซล่าเซลล์ที่น่าเชื่อถือ และมีผลงานที่ได้มาตรฐาน เหมือนกับ Electronmove ของเรา ที่ควบคุมงานโดยวิศวะไฟฟ้าที่มีประสบการณ์ในสายงานมามากกว่า 5 ปี และมีผลงานในการติดตั้งโซล่าเซลล์มามากกว่า 900 โปรเจกต์ขึ้นไป รวมถึงโครงการหมู่บ้านต่าง ๆ กว่า 12 โครงการ ด้วยราคาแผงโซล่าเซลล์ สําหรับบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ตามที่ลูกค้าต้องการ

 

นอกจากนี้ ยังมีบริการหลังการขาย ที่คอยดูแลล้างแผงโซล่าเซลล์ให้ทุก 6 เดือน เป็นเวลา 5 ปี รวมถึงคอยซ่อมบํารุง และตรวจสอบระบบทุกครั้งที่เข้าไปล้างแผงโซล่าเซลล์บ้าน การันตีด้วยทีมช่างที่จะเข้าไปตรวจสอบหน้างาน เมื่อเกิดปัญหาของระบบโซล่าเซลล์ และยังเป็นที่ปรึกษาปัญหาระบบโซล่าเซลล์ให้ได้ตลอดอายุการใช้งานอีกด้วย

บริการ Electronmove ล้างแผงและตรวจสอบระบบโซล่าเซลล์

สรุป

เพราะค่าไฟแพง สามารถลดลงได้ด้วยตัวเราในระดับหนึ่ง อย่างการถอดปลั๊กหลังใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า การปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม หรือการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แต่หากใครที่มองว่าการทำแบบนี้ยังไม่เพียงพอ และอยากได้วิธีที่ยั่งยืนกว่า โซล่าเซลล์ถือได้ว่าเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ให้ผลได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากสนใจที่จะติดตั้งโซล่าเซลล์ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเลือกจะติดตั้ง สามารถติดต่อเข้ามาดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ Electronmove ของเรา

Line Official : @electronmove

โทร : 093-659-4545 (เซลล์) 093-552-4444 (บริการหลังการขาย)

E-mail : support@electronmove.co.th 

ช่องทาง Youtube : https://www.youtube.com/@enphase_electronmove